เส้นทางการเดินทาง 4 วันด้วยรถยนต์
อาคิตะ ที่ที่หิมะสีขาวโฉมงามและเจ้าชายอสูรมาพบกัน
จังหวัดอาคิตะเป็น 1 ใน 10 ของพื้นที่ที่มีหิมะตกมากที่สุดในโลกเพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่กลางฤดูหนาวเดือนมกราคมแบบนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เป็นสีขาวโพลนไปเสียหมดทั้งถนนหนทางที่สองข้างมีแต่หิมะกองพะเนินหลังคาบ้านและกิ่งไม้ใหญ่ที่แบกรับปุยหิมะสีขาวที่บ่อยครั้งจะมีเสียงโครมครามเมื่อแรงโน้มถ่วงทำหน้าที่ให้เกล็ดน้ำแข็งสีขาวร่วงหล่นสู่พื้นทุ่งนาที่นั่งรถผ่านเปลี่ยนจากสีเขียวในหน้าร้อนมาเป็นทุ่งหิมะขาวสะอาดสุดลูกหูลูกตา
เพราะจำนวนหิมะที่มหาศาลเช่นนี้ ณ เมืองโยโกเตะ ในจังหวัดอาคิตะ จึงมีการจัดเทศกาลคามากูระ ซึ่งมีการสร้างโดมหิมะขึ้นหลายร้อยหลังในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ วันที่ 15-16 ของทุกปีเพื่อใช้เป็นที่จุดเทียนบูชาเทพเจ้าแห่งน้ำและหลบหนาวจิบอามั่ยสาเกอุ่นๆและกินโมจิย่างหอมๆช่วงเทศกาลคงโรแมนติกน่าดูเพราะค่ำคืนมืดสนิทตลอดทางมีแสงเทียนเป็นร้อยๆดวงส่องสว่างขึ้นมาน่าเสียดายช่วงที่ไปเป็นปลายเดือนมกราคมเลยไม่ทันเทศกาลนี้แต่สิ่งที่น่าดีใจที่ได้ทำแทนการชมเทศกาลคือการได้ไปร่วมกับชาวเมืองโยโกเตะสร้างคามากูระหรือโดมหิมะนี้ขึ้นมา
โดมหิมะแต่ละโดมมีความสูงประมาณ 3 เมตร ขนาดที่เข้าไปนั่งได้ 4-5 คนแบบสบายๆ โดยการสร้างจะใช้นักสร้าง 4 คน ใช้เวลา 1 วันเต็มท่ามกลางอุณหภูมิติดลบ โดยต้องเอาหิมะมาสุมกัน คนสร้างจะต้องตักต้องตบให้หิมะอัดจนแน่น หลังจากนั้นทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนที่จะสามารถเจาะช่องประตูและที่ทางข้างในโดมได้
“หน้าร้อนผมเป็นเกษตรกร พอหน้าหนาวก็มารวมตัวกันทำคามากูระ นี่คือความภาคภูมิใจของผู้ทำเพราะไม่ใช่ใครก็ทำได้ ต้องอาศัยการฝึกฝนและความเชียวชาญ คนทั้งเมืองภูมิใจในตัวพวกเผม และพวกผมก็ภูมิใจในสิ่งที่ทำ ยิ่งเวลาเห็นเด็กๆยิ้มหัวเราะเวลาเดินเข้าไปนั่งในคามากูระ ผมก็ยิ่งมีความสุขไปด้วย ก็ไม่ขอแลกด้วยอะไร ก็จะทำไปจนทำไม่ไหว” คุณลุงที่อยู่ในกลุ่มสร้างคามากูระเล่าให้ฟังด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
Related Posts:
3 เมนูห้ามพลาดที่จังหวัดอาคิตะ
การเดินทางมาที่จังหวัดอาคิตะครั้งนี้นอกจากจะมาเที่ยวสิ่งที่ไม่พลาดเลย คือ เรื่องกิน ชิมตั้งแต่น้ำปลาของญี่ปุ่น โคโรเกะ ปลาฮาตะฮาตะ โซบะ ราเมน ปลาดิบ ปลาไม่ดิบ แต่จานที่อยู่ในหัวใจและเป็นจานแสนพิเศษของทั้ง 3 เมืองในจังหวัดอาคิตะ คือ อาคิตะ โอกะ และโยโกเตะ ก็คืออาหารทั้ง 3 อย่างที่อยู่ข้างล่างนี้ อยากรู้ว่าคืออะไรก็เลื่อนลงไปอ่านนะคะ
1. คิริทัมโปะนาเบะ หม้อไฟข้าวย่างในซุปไก่ของจังหวัดอาคิตะ
คิริทัมโปะเป็นอาหารพื้นบ้านของจังหวะอาคิตะ ‘คิริ’ คือ การหักเป็น 2 ท่อน ส่วน ’ทัมโปะ’ คือแท่งข้าวย่าง รวมกันก็กลายเป็นแท่งข้าวย่างหักครึ่งซึ่งก็คือวิธีทำนั่นเอง โดยนำเอาข้าวสุกมาบดและปั้นเป็นแท่งยาวๆบนไม้ จากนั้นก็นำไปย่างบนถ่านร้อนๆจนหอม ระหว่างนั้นก็ต้นน้ำซุปไก่ปรุงรสด้วยโชยุและน้ำตาลให้เดือด ใส่เนื้อไก่พันธุ์ฮิไนจิโดริซึ่งเป็นไก่บ้านซึ่งวิ่งไปวิ่งมา ทำให้เนื้อเด้งดึ๋งไม่มีไขมันและผักหลากหลายชนิดลงไป จากนั้นก็แกะแท่งข้าวย่างมาหักเป็น 2 ท่อนใส่ลงไปในซุบเดือดๆก็เป็นอันเสร็จ ซุบร้อนๆรสชาติกลมกล่อม มีข้าวย่างหอมๆอร่อยปากอิ่มท้อง เหมาะกับกินในหน้าหนาวมาก
Related Posts:
เที่ยวญี่ปุ่นด้วยรถบัส
เวลาใครมาญี่ปุ่นก็จะคิดว่าที่นี่ต้องเดินทางด้วยรถไฟอย่างเดียว แต่รู้ไหมว่าที่นี่มีรถบัสนอนข้ามจังหวัดด้วยซึ่งครอบคลุม 92 เส้นทางทั่วประเทศด้วยนะคะ ข้อดีของรถบัสทางไกล คือ นอกจากจะถูกกว่าตั๋วรถไฟมากๆแล้ว ยังประหยัดค่าที่นอนและประหยัดเวลา เพราะตื่นมาตอนเช้าปุ๊บเริ่มต้นสำรวจเมืองถัดไปได้ปั๊บ
การซื้อตั๋วสะดวกสบายเพราะสามารถทำออนไลน์โดยซื้อผ่าน Japan Bus Line และปริ๊นท์ตั๋วออกมาได้เลย จะซื้อขาเดียวหรือจะซื้อ JBL pass ซึ่งมีแบบ 7 วันและ 14 วันก็ได้ ราคาตั๋วอยู่ที่ 20,000 และ 28,000 เยนค่ะ
ครั้งนี้มิ้นท์เดินทางออกจากโตเกียวไปเมืองอากิตะด้วยรถบัส โดยใช้เวลาตะลอนๆอยู่ในโตเกียวทั้งวัน พอสี่ทุ่มกว่าๆถึงจะเดินทางมาที่ Shinjuku Expressway Bus Terminal เพื่อมารอขึ้นรถบัสรอบ 23.05 โดยถึงเมืองอากิตะเวลา 8.55 เช้าวันถัดไป
รถบัสของญี่ปุ่นนั่งสบายมีแบบนั่งเดี่ยวและนั่งคู่ตามราคาตั๋ว คนขับขับนุ่มไม่เหวี่ยงไปเหวี่ยงมา ที่นั่งแต่ละที่จะมีสิ่งคล้ายๆฝาครอบหัวเราไว้เพื่อให้ความเป็นส่วนตัวและบังแสงจากรถเวลาที่รถจอดแวะให้เข้าห้องน้ำค่ะ
การมาที่ Shinjuku Expressway Bus Terminal ที่นี่ตั้งอยู่ที่ชั้น 4 ของ Shinjuku Station ซึ่งอยู่ตรงข้ามทางออกฝั่งทิศใต้ของสถานีรถไฟชินจูกุ(South Exit) ซึ่งออกมาจะเจอกับห้าง Lumine 2 มองไปฝั่งตรงข้ามก็ใช่แล้วค่ะ มาลองดูรูปแล้วกันเนอะ จะได้ไม่หลง

ทางออก South Exit จากสถานีรถไฟชินจูกุ